อุทยานแห่งชาติ ภูสอยดาว เป็นอุทยานแห่งชาติที่มียอดสูงที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ของประเทศไทย ตั้งอยู่ที่จังหวัด อุตรดิตถ์ เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว ที่ชื่นชอบการเดินป่า เป็นอันดับต้นๆ เลย โดยช่วงที่เหมาะสำหรับการเดินป่าขึ้นไปชมความงามของดอกหงอนนาคบน ภูสอยดาว คือช่วงหน้าฝน ประมาณช่วง 1 กรกฎาคม - 15 มกราคม ของทุกๆปี ซึ่งการขึ้นไปในช่วงของการชมดอกหงอนนาคนั้น เราจะนอนกันที่บริเวณลานซึ่งจะอยู่ที่ความสูง 1,633 เมตร ซึ่งยังไม่ใช่จุดสูงสุดนะ เพราะช่วงนี้จะขึ้นยอดภูไม่ได้ หน้าฝนทางจะลื่น กิจกรรมที่เราจะทำในช่วงนี้คือ ชมความงามของดอกหงอนนาค เต็มทุ่งทั่วลานสน และเล่นน้ำตกสายทิพย์ ที่อยู่ใกล้ๆกับลานสน
ช่วงหน้าหนาว ประมาณ 1 พฤศจิกายน - 15 มกราคม ของทุกๆปี เป็นช่วงเวลาของการเดินขึ้นพิชิตยอดภูสอยดาว ที่ระดับความสูง 2,102 เมตร การจะขึ้นยอดได้เราต้องพักค้างคืนอย่างน้อย 2 คืนนะ และในช่วงนี้ ยังเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการ นอนดูดาว ตามล่าทางช้างเผือกอีกด้วย
ขั้นตอนที่ 1 : จองวันขึ้นอุทยานผ่านช่องทางแอพ QueQ เลือกวันที่จะพักบนลานสนนะ
ขั้นตอนที่ 2 : วันที่เดินทางถึง จ่ายค่าเข้า คนละ 40 บาท รถยนต์คันละ 30 บาท เราจะได้รับบัตรคิวพร้อมเลย ใช้สำหรับการทำเรื่องเดินขึ้นลานลูกค้าสนใจ แบบบันทึกส่วนตัว หรือ แบบบันทึกเพื่อธุรกิจ ครับ
ขั้นตอนที่ 3 : เช้าวันที่เราจะเดินขึ้นเวลา 08:00 น. เจ้าหน้าที่เริ่มเรียกคิว ตามลำดับ เพื่อเช็คจำนวน และระบุรหัสนักท่องเที่ยวให้ ใครจะเช่าอุปกรณ์อะไรเพิ่มเติมก็แจ้งตรงนี้ได้เลย รวมถึงลูกหาบด้วย ก็แจ้งเจ้าหน้าที่ตรงนี้ได้เลย เขาจะเขียนรายละเอียดให้เรา เพื่อนำไปยื่นให้เจ้าหน้าที่อีกจุด เพื่อชำระเงิน และชั่งสัมภาระเพื่อให้ลูกหาบหาบขึ้น
ขั้นตอนที่ 4 : ชั่งสัมภาระฝากลูกหาบ และชำระเงิน น้ำหนักกิโลละ 30 บาท (ต่อหนึ่งขา) ชั่งเสร็จชำระเงินเรียบร้อย ก็ นั่งรถของเจ้าหน้าที่ไปยังน้ำตกภูสอยดาว เพื่อเริ่มเดินได้เลย
บริเวณน้ำตกภูสอยดาว จะมีร้านอาหารตามสั่ง ใครยังไม่ได้ทานข้าวเช้าก่อนเดิน แนะนำเลยว่าให้ทานที่นี่ก่อนให้เรียบร้อย เพราะถ้าไม่ทานเลย ตุยแน่ๆ นะครับ
อ้อ...อย่าลืม!!! สั่งข้าวกลางวัน ห่อขึ้นไปทานระหว่างทางด้วยนะครับ พกน้ำดื่มไปด้วย สัก 2 ขวดเล็กน่าจะกำลังดี ไว้ติดตัวตอนเดินครับ เพราะเราจะใช้เวลาเดินประมาณ 4 ชั่วโมงระยะทางประมาณ 6.5 กิโลเมตรเลยครับ
ขั้นตอนที่ 5 : เริ่มเดินเท้า จากจุดเริ่มเดิน เส้นทางเดินเท้าขึ้นสู่ลานสนภูสอยดาว ระยะทาง 6.5 กิโลเมตร
เวลาการเดิน ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนมีความฟิตขนาดไหน ถามว่าชันไหม ก็ชันระดับหนึ่ง ทางเดินเดินไม่ยาก เป็นทางที่เขาทำไว้ให้เหมาะสำหรับการเดินอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวเรื่องลื่นเลยครับ
พอเริ่มต้นเดิน ก็จะเป็นช่วงของการไล่ล่าพิชิตป้ายเนินสำคัญต่างๆ 5 เนิน เพื่อพิชิตป้ายสุดท้าย ป้ายที่ 6 ที่ลานสนภูสอยดาว
เนินสำคัญต่างๆ 5 เนินภูสอยดาวประกอบไปด้วย
และจุดสุดท้ายสำหรับการกางเต้นท์ค้างแรมของเราคือ ลานสนภูสอยดาวนั่นเอง ป่ะ เริ่มเดินไปพร้อมๆกัน
ใช้เวลาเดินประมาณ 30 นาที จากจุดเริ่มเดิน ก็จะมาถึง ป้ายเนินส่งญาติ เขาว่ากันว่า ใครจะถอดใจ ก็กลับตัวที่จุดนี้เลยนะ เลยป้ายนี้ไปกลับตัวไม่ได้ละนะ
เดินขึ้นบันไดค่อนข้างชัน ต่ออีกประมาณ 30 นาที เราก็จะถึงเนินปราบเซียน ใครขึ้นมาถึงเนินนี้ อย่าลืมชมตัวเองด้วยนะ ว่าเก่งมากๆ เพราะกว่าจะถึงจุดนี้ เราเดินขึ้นระยะทางไม่ได้ไกล แต่ชันพอสมควรเลย ใครไม่ได้ทานข้าวเช้ามานี่ เป็นลมแน่ๆ
จุดต่อไปที่เราจะเดิน บอกได้เลยว่า ทำเอาท้อเลยนะ
จริงๆ มันน่าจะเป็นเนินปราบเซียนแหล่ะ มันคือเส้นทางที่เชื่อมจากเนินปราบเซียนไปเนินป่าก่อ ซึ่งใช้เวลาเดินนานมาก ชันเอาเรื่องเลยแหล่ะ
ตลอดทางเดิน วันที่ไปนี่คือ เจอฝนตก ใส่เสื้อกันฝน สลับถอด เพราะอึดอัดด้วย แต่บรรยากาศสองข้างทาง ก็ถือว่าฟินอยู่นะ เพราะทั้งหมอก ทั้งฝน ทั้งวิว ช่วยทำให้ความเหนื่อย ที่มีมันพอได้คลายลงได้บ้าง
เดินจากจุดเนินปราบเซียนต่ออีกประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ก็จะถึงเนินที่ 3 นั่นคือ เนินป่าก่อ หากเรามองไปรอบๆ เราจะเห็นว่า บริเวณนี้เต็มไปด้วยต้นก่อ หรือ ต้นโอ๊ค นั่นเอง เดินมาถึงจุดนี้ได้ นี่คือเก่งมากๆ เลยนะ เพราะใช้เวลาค่อนข้างมากเลยจากจุดเริ่มเดินรวมๆ แล้วใช้เวลา 2 ชั่วโมงครึ่งแล้วนะกว่าจะมาถึงเนินป่าก่อได้
ใช้เวลาอีกประมาณ 30 นาที เราก็มาถึงเนินที่ 4 คือเนินเสือโคร่ง
เนื่องจากบริเวณนี้ มีต้นกำลังเสือโคร่งเยอะ จึงเป็นที่มาของชื่อเนินนี้ ไม่ได้มาจากการที่มีเสือโคร่งเยอะนะครับ 555
เอาจริงๆ ตอนถึงเนินเสือโคร่งก็คือ อ้าว ถึงแล้วหรอ คือเดินซึมๆ ถึงแบบ งงๆ แหล่ะ เพราะมันใกล้กว่าที่คิดไว้
เดินต่ออีก 30 นาที ก็มาถึงเนินสุดท้าย ที่ขึ้นชื่อว่าชันมากๆ ชันแบบว่า อยากเดินกลับเลย นั่นก็คือเนินมรณะ นั่นเอง ใช้เวลารวมๆ จากจุดเริ่มเดิน ประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที เลยนะ แต่เห็นป้ายเนินมรณะ นี่ไม่ได้หมายความว่าเราถึงแล้วนะ มันเป็นป้ายที่บอกว่า ข้างหน้านี่แหล่ะ เรามรณะกันแน่ๆ เตรียมตัวได้เลย
เนินมรณะ ค่อนข้างชันมากๆ เลยนะครับ บวกกับเราเดินมาแล้ว 3 ชั่วโมงครึ่งแล้ว ทำให้เราล้ามากๆ ถ้าใครร่างกายไม่ฟิต อาจจะเป็นเหมือนผมก็ได้ แอบนั่งร้องไห้นิดนึง ไม่อยากเดินต่อแล้ว 5555
เนินมรณะนี้ ทางเดินแทบไม่มีต้นไม้ใหญ่เลยนะ แต่ไม่ร้อนครับ วันที่ผมเดินขึ้น ลมค่อนข้างแรง อากาศเย็น หมอกหนามากๆเลยครับ เอาจริงๆ เจอแบบนี้ ตอนเหนื่อยๆ มันก็ช่วยฮีลใจ นั่งพักเอาแรงซักหน่อย ก็เดินต่อไหวอยู่
และแล้ว.....
ป้าย 0.5 กิโลเมตร ก็อยู่ตรงหน้า รีบฮึบๆๆๆ เดินต่อให้ถึงลานสนซะที ถ้าเราเดินมาจนถึงป้ายนี้ บอกได้เลยนะครับ เดินง่ายแล้ว ไม่ชันแล้ว เดินสบายๆ เช็ดหน้าเช็ดตา เตรียมถ่ายรูปกับป้ายลานสนได้เลยครับ เดินต่ออีกไม่เกิน 5 นาทีก็ถึงละ
เย้ๆ...
เราคือผู้พิชิตลานสนภูสอยดาว ที่ระดับความสูง 1,633 เมตร จากระดับน้ำทะเล
วินาทีที่มาถึงบอกเลยว่า โล่งใจ ดีใจ ถอนหายใจแรงๆเฮือกใหญ่เลย จุดนี้เป็นจุดที่เดินมาถถึงปุ๊บ ก็ต้องถ่ายรูปนะ เป็นจุดเช็คอินสุดท้ายของการเดินเลยครับ
แต่ก็ยังไม่ใช่จุดท้ายสุดนะ เพราะเราต้องเดินต่อไปอีกนิดนึงไปยังจุดสำหรับกางเต้นท์ ก็คือทางเดินที่เห็นหลังป้ายนั่นแหล่ะ บริเวณนี้จะเป็นทุ่งดอกหงอนนาคทั้งหมดครับ บรรยากาศดีฟินมากๆ หมอกหนาๆ นี่เหมือนในเทพนิยายเลย
ขั้นตอนที่ 5 : เดินมาถึงที่ทำการของเจ้าหน้าที่ จุดนี้เป็นจุดรับสัมภาระ จากลูกหาบ ปกติลูกหาบจะเดินมาถึงประมาณ 15:00-16:00 น. ครับ รวมถึงจุดนี้ ที่เราจะสามารถเช่าของเพิ่มเติมได้ เช่น ถังน้ำ ขัน ผ้าใบ หม้อสำหรับทำชาบู โดยค่าเช่าต่างๆ เจ้าหน้าที่จะบันทึกไว้แล้วให้เราไปชำระข้างล่างครับ
ระหว่างนี้ เราก็ไปเช่าของเพิ่มเติม และถ่ายรูปเล่นรอได้เลย ผมเอารูปที่ถ่ายมาฝากด้วย ไปชมภาพถ่ายสวยๆกันครับ
จุดนี้เราต้องเดินไปด้านหลังของที่ทำการของเจ้าหน้าที่นะครับเป็นทุ่งดอกหงอนนาค กว้างเลย เดินต่อไปเรื่อยๆ เราจะเห็นหมุดเขตแดนของประเทศไทยกับประเทศลาวด้วย สวยมากๆ มีจุดให้ถ่ายรูปหลายจุดเลย
แสงตอนเย็นที่ ภูสอยดาว สวยมากๆเลยนะครับ ช่วงเวลาสุดท้ายของวัน อย่าลืมที่จะ รอชม ท้องฟ้าระเบิด แสงสุดท้ายของวันด้วยนะ มันสวยงามมากจริงๆ
แต่ ก่อนพระอาทิตย์จะตก ใครเอาเต้นท์ไปเอง อย่าลืมกางเต้นท์ ให้เสร็จก่อนนะ ยิ่งช่วงหน้าฝนนี่ อาจจะเจอทั้งลม ทั้งฝน เลยนะ ถ้าไปวันธรรมดา คนจะน้อยหน่อย แต่ถ้าเสาร์อาทิตย์ คนอาจจะดูเยอะจนแน่นได้เลยแหล่ะ
มื้อเย็น เราก็ต้องทำอาหารทานเองนะครับ
ถ้าเอาง่ายๆ ก็แบกสเบียงเช่น มาม่า ไข่ต้ม ขึ้นไป กินร้อนๆ ก็อร่อยและง่ายดี หรือ ใครที่สั่งชาบู ขึ้นไปทาน ก็สะดวกดีเหมือนกัน (ชาบูติดต่อสั่งได้ที่ร้านค้าสวัสดิการอุทยาน สั่งถ่านไปด้วย มีหม้อกับเตาให้เช่าด้านบน)
คืนที่ผมนอน เจอลมแรงมากๆ ฝนไม่ค่อยตก ใครกางเต้นท์ ต้องยึดเต้นท์ให้แน่นๆเลยนะ ไม่งั้นได้กลายเป็นผู้ประสบภัยกลางดึกแน่ๆ
พอตื่นเช้า ก็ ทำอาหารเช้าทาน เก็บเต้นท์ เก็บกระเป๋า แล้วเอาของไปฝากลูกหาบเพื่อชั่งน้ำหนักสัมภาระ
ขั้นตอนที่ 6 : ชั่งสำภาระฝากลูกหาบขาลง น้ำหนักขาลังกิโลละ 30 บาทเหมือนเดิม ชั่งแล้วลงไปจ่ายข้างล่าง อ่อ ลืมไปว่าเราต้องแบกขยะลงไปเองนะ เพื่อนำไปรับเงินมัดจำขยะ 200 บาท (อันนี้เราจ่ายไว้ตอนขาขึ้นละ ลืมบอก) ค่าใช้จ่ายทั้งหมด ที่เราเช่าอุปกรณ์เพิ่ม ค่าลูกหาบ จะถูกคิดรวมและจ่ายเมื่อลงมาถึงที่ทำการอุทยานด้านล่างครับ
ขั้นตอนที่ 7 : รับสำภาระ และเดินทางกลับบ้าน
สรุปย่อๆ โดยประมาณ ก็มีประมาณนี้เลยครับ สำหรับการไปเดินป่า ภูสอยดาว 2 วัน 1 คืน ด้วยตัวเอง ขั้นตอนไม่ได้ยุ่งยากครับ การเดินก็ไม่ได้ยากลำบากมาก ฟิตร่างกายสักหน่อย เดินเรื่อยๆ ใช้เวลา 4-5 ชั่วโมงแบบไม่รีบได้สบายๆ ขาลงก็เดินชิวหน่อยครับใช้เวลาเดินประมาณ 2 ชั่วโมง - 3 ชั่วโมง แบบไม่รีบได้สบายๆ เลย
สำหรับภูสอยดาวแล้ว ไม่ได้มีรอบเดียวแน่ๆ ไว้เจอกันใหม่นะ
#เดินป่า #ภูสอยดาว
แสดงความคิดเห็นของคุณ
ทุกเรื่องเล่า จากพวกเรา เราอยากจะเล่าสู่กันฟังจริงๆนะ มาเป็นเพื่อนกับพวกเรา เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ดีๆกันเถอะ
Thank you for contacting us.
We will get back to you as soon as possible.
Oops, there was an error sending your message.
Please try again later.
อยากเล่า เป็นเป็นเกี่ยวกับการ รีวิว
ที่เที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร คาเฟ่ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมไปถึงเนื้อหาเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ต่างๆ